"ฝนหลวง" นวัตกรรมแห่งน้ำพระทัย ที่สร้างมูลค่าเหนือเงินทอง

เมื่อมองย้อนไปในปี พ.ศ. 2510 ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตภัยแล้งรุนแรง ชีวิตของเกษตรกรต้องฝากไว้กับความไม่แน่นอนของฟ้าฝน ในขณะที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าพอที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน แต่แทนที่จะรอคอยโชคชะตา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงเลือกที่จะลงมือแก้ไขปัญหาด้วยพระองค์เอง ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนในการค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีฝนเทียมที่ไม่มีใครในโลกทำสำเร็จ การลงทุนครั้งนี้ไม่มีการรับประกันผลตอบแทน มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเท่านั้น

โครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 53” จัดขึ้น ณ จังหวัดเพชรบุรี โดยมีเขื่อนแก่งกระจาน และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านดินเป็นจุดหมายหลักในการเรียนรู้ ได้นำเสนอบทเรียนสำคัญคือ ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้วัดจากกำไรทางการเงิน แต่วัดจากผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและคุณภาพชีวิตของผู้คน ซึ่งตรงกับหลักการทรงงาน "ขาดทุน คือ กำไร"ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงสาธิตให้เห็นผ่านความสำเร็จโครงการฝนหลวงสูตรใหม่ ตลอด 53 ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ณ เขื่อนแก่งกระจาน การทดลองฝนหลวงสูตรใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกษตรกรไทยมีความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำมากขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยีฝนหลวงไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งในไทย แต่ได้มีการขยายความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กัน กลายเป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่ประเทศไทยได้มอบไว้ให้กับโลก โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์หรือผลตอบแทนใดๆ แต่เชื่อมั่นว่าความดีจะส่งผลดีกลับมาในรูปแบบของความเจริญรุ่งเรืองของมนุษยชาติโดยรวม

นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "หัวใจสำคัญของโครงการนี้ คือการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ศึกษาเรียนรู้ และซึมซับสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9ได้ทรงทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด และการทรงงานของพระองค์ ล้วนเป็นแบบอย่างที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ และสามารถหวังผลในเชิงบวกได้ ซึ่งในส่วนของโครงการฝนหลวงนี้ ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีจัดการน้ำ แต่เป็น 'นวัตกรรมแห่งน้ำพระทัย' ที่สะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ ความเสียสละ ความมุ่งมั่น และเมตตาธรรมอย่างลึกซึ้ง ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาไม่ใช่เรื่องของรายได้ แต่เป็นรอยยิ้มของเกษตรกร ที่ชีวิตได้ฟื้นคืนมาใหม่ และประเทศชาติมีความมั่นคงยั่งยืน นี่คือ 'กำไร' ที่ประเมินค่าไม่ได้ และนี่คือจิตวิญญาณของศาสตร์พระราชาที่เราทุกคนควรช่วยกันสืบสาน"

ครั้งนี้ คณะผู้เข้าร่วมโครงการได้ไปเยี่ยมชมเขื่อนแก่งกระจาน สถานที่ประวัติศาสตร์ในการทดลองฝนหลวงจนประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านดิน เพื่อเรียนรู้เรื่องการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ก้าวพลาดกลับคืนสู่สังคม โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง เมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมทำกิจกรรมสร้างบ้านดิน ซึ่งเป็นบ้านที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างดิน ไม้ไผ่ และดินเหนียวในการก่อสร้าง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังตอบโจทย์สภาพอากาศเมืองร้อนได้เป็นอย่างดี 

นอกจากนี้ ทางโครงการยังจัดให้มีการสัมมนาและเวิร์กช็อปเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันความรู้ อาทิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี และอาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ผู้คิดค้นนวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 หรือ Interactive Board Game หนึ่งเดียวในโลก เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2030

ทางโครงการยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคม ได้แก่ การมอบทุนการศึกษาจากมูลนิธิธรรมดีให้แก่นักเรียนในพื้นที่ การมอบหนังสือจากโครงการ "อมรินทร์อาสา อ่านพลิกชีวิต" เพื่อส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ให้กับโรงเรียนที่มีความต้องการ รวมถึงการปล่อยปลานิล 10,000 ตัว เป็นมหาทาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างเป็นรูปธรรม

โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย มูลนิธิธรรมดี คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระทรวงวัฒนธรรม โดยได้รับการสนับสนุนหนังสือจากโครงการอมรินทร์อาสาอ่านพลิกชีวิต อมรินทร์กรุ๊ป

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งต่อไปสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ คุณจารุกัญญ์ โทรศัพท์ 099 397 5333หรือเฟซบุ๊ก: ตามรอยพระราชา-The King's Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตนเองในการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจากคุรุสภาได้

ข่าวเกี่ยวข้อง