ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “เมพ คอร์ปอเรชั่น”ผู้นำ E-Book ของเมืองไทยขายไอพีโอไม่เกิน 75.5 ล้านหุ้นคาดเข้าเทรด mai ใน ไตรมาสแรกปีนี้

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “เมพ คอร์ปอเรชั่น”ผู้นำ E-Book ของเมืองไทยขายไอพีโอไม่เกิน 75.5 ล้านหุ้นคาดเข้าเทรด mai ใน ไตรมาสแรกปีนี้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่งของ บมจ.เมพคอร์ปอเรชั่น (MEB) ผู้นำในการประกอบธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) จัดจำหน่ายอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) และธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มระบบห้องสมุดดิจิทัลสำหรับองค์กร (Hibrary) ของเมืองไทย จ่อขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 75.5 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 1/66 นี้ ระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจที่อยู่ในแพลตฟอร์มปัจจุบัน และใช้สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ พร้อมกับปรับปรุงพัฒนาแพลตฟอร์มและเป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง

นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ“MEB”) ในฐานะผู้นำธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านแพลตฟอร์ม meb และreadAwrite ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอ่านวรรณกรรมออนไลน์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ว่าการเสนอขายหุ้นไอพีโอนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายธุรกิจใหม่ๆ การเพิ่มคอนเทนต์ให้มีความหลากหลาย และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน อีกทั้งการระดมทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ MEB อีกด้วย

MEB ดำเนินธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านเว็บไซต์ www.mebmarket.com และwww.readAwrite.com และแอปพลิเคชัน meb และ readAwrite บนระบบปฏิบัติการต่างๆ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ การจัดจำหน่ายอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) และ ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มระบบห้องสมุดดิจิทัลสำหรับองค์กร (Hibrary) ซึ่งดำเนินงานผ่านบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (“Hytexts”)

โดยบริษัทฯ ดำเนินกลยุทธ์เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้าน E-book เต็มรูปแบบ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการจากสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการพัฒนาแพลตฟอร์มของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่มีอยู่ส่วนใหญ่ในตลาดให้สามารถเข้าถึงการบริการได้ พร้อมกับมีแผนการเพิ่มวรรณกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอบนแพลตฟอร์มที่มีความเสถียรภาพ และมีความปลอดภัยในการใช้งาน อีกทั้งยังสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในเชิงสร้างสรรค์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในปี 2562 – 2564 และงวด9 เดือนของปี 2565  โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 618.72 ล้านบาท 1,004.68 ล้านบาท 1,456.38 ล้านบาท และ 1,263.54 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82.09 ล้านบาท 164.74 ล้านบาท 275.34 ล้านบาท และ 241.85 ล้านบาท ตามลำดับ

"สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้สำหรับการขยายธุรกิจที่อยู่ในแพลตฟอร์มปัจจุบัน ประกอบด้วย meb readAwrite และ Hytexts โดยการเพิ่มเนื้อหาวรรณกรรมออนไลน์ ทั้งจากการซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรมประเภทนิยาย และประเภทอื่นที่ไม่ใช่นิยาย และใช้สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบัน และท้ายสุดใช้ในการปรับปรุงพัฒนาแพลตฟอร์มปัจจุบันให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป" นายรวิวร กล่าวในที่สุด

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MEB) เปิดเผยว่า วันที่ 17 มกราคม2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ MEB เป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าจะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ภายในไตรมาส 1/66

โดย MEB ได้ยื่นเสนอขายหุ้น IPO รวมจำนวนไม่เกิน 75,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25.17  ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 22,500,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 53,000,000 หุ้น ทั้งนี้ภายหลังการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ คุณรวิวร มะหะสิทธิ์ และคุณกิตติพงษ์ แซ่ลิ้มในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทฯ จะถือหุ้นรวมกันประมาณร้อยละ 18.7 ใน MEB และบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัทย่อยในกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิมจะถือหุ้นประมาณร้อยละ 56 ใน MEB

ข่าวเกี่ยวข้อง