ธ.ก.ส. ร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้“มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 1

ธ.ก.ส. ร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้“มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 1

ธ.ก.ส. จัดทัพมาตรการดูแลหนี้สินเกษตรกรในงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 1 เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน พร้อมมาตรการในการช่วยเหลือและลดภาระด้านหนี้สิน อาทิ การให้คำปรึกษาทางการเงิน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โครงการชำระดีมีคืนพลัส มาตรการจ่ายดอกตัดต้น มาตรการผ่อนปรนและดูแลลูกค้า(Care Plus 65) มาตรการจ่ายน้อย ผ่อนคลายได้ลดดอกเบี้ย และมาตรการทางด่วนลดหนี้ พร้อมเติมทุนในการเสริมสร้างอาชีพในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 พิเศษ ! สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชันธ.ก.ส. A-Mobile Plus หรือเพิ่มเพื่อน Line Official @BAACFAMILY หรือยืนยันตัวตนผ่านบริการ e-KYC รับของที่ระลึกสุดพิเศษ และแคมเปญพิเศษ WoW WoW WoW รับส่วนลดทันที 3 ต่อ ณ อิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 อิมแพ็ค เมืองทองธานี 4 – 6 พฤศจิกายนนี้

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เข้าร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 1 ณ อิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 พฤศจิกายน 2565 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และภัยธรรมชาติ เพื่อให้ลูกค้าสามารถประกอบอาชีพ เสริมสร้างรายได้ ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการหนี้โดยมิเป็นภาระหนัก โดย ธ.ก.ส. จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ที่จะเข้าไปดูแล ประกอบด้วย การลดความกังวลใจเรื่องหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยกำหนดชำระหนี้ตามศักยภาพที่แท้จริง ควบคู่การแบ่งเบาภาระหนี้ผ่านมาตรการจ่ายดอกตัดต้น กรณีลูกค้าส่งชำระหนี้ธนาคารจะแบ่งภาระการตัดชำระหนี้ตามสัดส่วนต้นเงินและดอกเบี้ย มาตรการผ่อนปรนและดูแลลูกค้า(Care Plus 65) มาตรการจ่ายน้อย ผ่อนคลายได้ลดดอกเบี้ย และมาตรการทางด่วนลดหนี้ ซึ่งแต่ละมาตรการจะเข้าไปแก้ปัญหาหนี้สินของลูกค้าแต่ละคนที่อาจมีภาระหนี้ที่แตกต่างกัน เพื่อเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขได้อย่างตรงจุด

นายธนารัตน์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อดูแลแก้ไขปัญหาหนี้ตามมาตรการต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ธ.ก.ส. ได้วางแนวทางในการเสริมสภาพคล่องผ่านโครงการชำระดีมีคืนพลัส สำหรับลูกค้าที่ชำระหนี้ถึงกำหนด จะได้รับดอกเบี้ยคืนในอัตราร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท วงเงินรวม3,000 ล้านบาท การแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน ผ่านโมเดลการจัดการ-ออกแบบเชิงพื้นที่ D&MBA(Design and Manage by Area) โดยคนในชุมชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ควบคู่กับการเติมความรู้ด้านการเงิน การลงทุน การฝึกปฏิบัติเพิ่มทักษะ ทั้งอาชีพเดิม อาชีพเสริม อาชีพใหม่ การปรับเปลี่ยนการผลิตไปปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง การลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต การยกระดับมาตรฐานสินค้า เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรนมาช่วยเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้กับผู้ประกอบการและ Smart Farmer อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ เพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปีเป็นต้น รวมถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝาก กองทุนทวีสุข และพิเศษ ! เฉพาะในงานสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการชำระดีมีคืน ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการทางด่วนลดหนี้ และลงทะเบียนแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile Plus หรือเพิ่มเพื่อน Line Official Account @BAACFAMILY หรือยืนยันตัวตนผ่าน e-KYC รับของที่ระลึกสุดพิเศษจาก ธ.ก.ส. และพบกับแคมเปญพิเศษ “WoW WoW WoW” รับบริการให้คำปรึกษาสินเชื่อพร้อมรับส่วนลดพิเศษค่าธรรมเนียมและของที่ระลึกถึง 4 ต่อ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมการออกบัตร ATM ส่วนลดค่าธรรมเนียมการประเมินที่ดินและส่วนลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ เป็นต้น

สำหรับลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่าน Line Official Account : BAAC Family หรือ www.bot.or.th/DebtFair เพื่อเข้าร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจรอีก 4 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ ขอนแก่น วันที่ 18 - 20 พฤศจิกายน 2565 เชียงใหม่ 16 - 18 ธันวาคม 2565 ชลบุรี วันที่20 - 22 มกราคม 2566 และหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา วันที่ 27 - 29 มกราคม 2566

ข่าวเกี่ยวข้อง